สมาชิก KCP เข้าร่วมพิธีวันเกิดของ ดร. นริศ
- jaturaphat28930
- 27 มิ.ย.
- ยาว 1 นาที
อัปเดตเมื่อ 6 วันที่ผ่านมา

ในวันเสาร์ที่ 21 มิถุนายน 2568 ทีมงานKCPได้เข้าร่วมพิธีที่สมาคมธรรมศาสตร์เพื่อแสดงความยินดีกับที่ปรึกษา อาวุโสของเรา ดร. นริศ ชัยสูตร ก่อนที่ท่านจะมาเป็นที่ปรึกษาให้กับ KCP ดร. นริศ เคยดำรงตำแหน่งอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ช่วงปี 2541-2547 ปัจจุบันท่านดำรงตำแหน่งสำคัญหลายตำแหน่ง เช่น
ประธานกรรมการบริษัท AP (Thailand) จำกัด (มหาชน)
ประธานคณะกรรมการตรวจสอบบริษัท GMM Grammy จำกัด (มหาชน)
ประธานกรรมการบริษัท Fortune Part Industries จำกัด (มหาชน)
ประธานกรรมการบริษัท United Pacific Oil Industry จำกัด (มหาชน)
ดร. นริศ มีบทบาทสำคัญในการให้คำแนะนำแก่เราในด้านการควบรวมกิจการ การร่วมทุน และกฎหมาย อีกทั้งยังให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับตลาดในประเทศไทย แนวโน้มใหม่ๆและแนะนำพันธมิตรชาวไทยที่สามารถร่วมงานกับลูกค้าชาวญี่ปุ่นของเราได้อีกด้วย
ดร. นริศ ยังเป็นผู้แต่งหนังสือเรื่อง "ดร. นริศ ชัยสูตร 70 ปี เส้นทางชีวิตที่ผ่านมา" ซึ่งสะท้อนถึงชีวิตของท่านตั้งแต่วัยเด็ก วัยทำงาน จนถึงวัยชรา ถ่ายทอดประสบการณ์จริงที่ไม่อาจเรียนรู้ได้จากตำรา แต่เป็นประสบการณ์ที่สร้างแรงบันดาลใจให้ท่านก้าวขึ้นสู่ความสำเร็จในวันนี้
บทเรียนจากหนังสือ “ดร.นริศ ชัยสูตร 70 ปี เส้นทางชีวิตที่ผ่านมา”
บทที่ 8: "บทเรียนสำคัญในวัยเด็กที่มีอิทธิพลต่อชีวิต"
ดร. นริศ ได้เล่าถึงการเข้าร่วมงานกีฬาที่สนามศุภชลาศัยในวัยเด็ก ท่านได้เห็นนักกีฬาทั้งระดับนานาชาติและนักกีฬาไทยแข่งขันกันเพื่อชิงเหรียญรางวัล ท่านได้ตระหนักว่าชัยชนะไม่ใช่เพียงแค่การคว้าถ้วยรางวัล แต่เป็นการชื่นชมในความพยายาม ความมุ่งมั่น การมีน้ำใจนักกีฬา และการปฏิบัติตามกฎระเบียบ ท่านกล่าวว่า “การเป็นผู้ชนะในชีวิตไม่ได้หมายถึงการถือถ้วยรางวัล แต่เกิดจากความพยายาม วินัย ความอดทน การฝึกฝน ยอมรับความพ่ายแพ้ และการเคารพผู้อื่นและกฎระเบียบ”
บทที่ 16: "จุดอ่อนของนักบริหาร"
จากประสบการณ์ที่ยาวนานในฐานะผู้บริหาร ดร. นริศ เน้นย้ำว่าผู้บริหารที่ดีไม่ได้ถูกกำหนดเพียงแค่ความสามารถในการบริหารจัดการ หรือวางแผนกลยุทธ์ แต่ยังรวมถึงการพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง ท่านเน้นถึงความสำคัญของการสื่อสารในที่สาธารณะ เช่น การเปลี่ยนเรื่องที่ซับซ้อนให้เข้าใจง่าย ดึงดูดผู้ฟัง และชักจูงให้เห็นด้วยกับแนวคิด แม้ว่าท่านจะยอมรับว่าท่านไม่ถนัดการพูดในที่สาธารณะ แต่ท่านยึดหลักว่า “การกระทำสำคัญกว่าคำพูด” ท่านเชื่อว่าการเข้าใจจุดอ่อนของตนเองไม่ใช่อุปสรรค แต่เป็นโอกาสที่จะสร้างทีมที่แข็งแกร่งเพื่อเติมเต็มช่องว่าง “คำพูดที่โน้มน้าวใจเป็นเพียงสิ่งชั่วคราว แต่การกระทำที่จริงใจสามารถชนะใจคนได้” กล่าวโดย ดร.นริศ
บทที่ 41: "เมื่อรู้ตัวว่าแก่"
วัยชราเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ร่างกายและความจำอาจเสื่อมถอยตามกาลเวลา แต่ท่านสนับสนุนให้ยอมรับช่วงเวลานี้ด้วยการปรับตัวและดูแลตนเอง ท่านอธิบายว่า วัยชราไม่ได้วัดกันด้วยตัวเลขหรือความเสื่อมถอยของร่างกาย แต่ด้วยทัศนคติ และการยอมรับวัยนี้จะช่วยให้เราใช้ชีวิตได้อย่างเต็มที่
บทที่ 46: "การให้อภัยและการยุติเรื่องราวอย่างสมบูรณ์"
ดร. นริศ มองว่าการให้อภัยเป็นหนึ่งในการกระทำที่ทรงพลังที่สุด ไม่ว่าจะเป็นความผิดพลาดของผู้อื่นที่ตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ ท่านแนะนำว่าความผิดเล็กน้อยไม่ควรถูกครุ่นคิดจนเกินไป การยึดติดกับความโกรธเพียงแต่ทำให้เรายังติดอยู่ในอดีต ในทางตรงกันข้าม การให้อภัยจะปลดปล่อยทั้งผู้ให้อภัยและผู้ถูกให้อภัย นำความสุขและความสงบมาสู่ชีวิต
บทสรุป
หนังสือของ ดร. นริศ ไม่เพียงแต่สะท้อนถึงเส้นทางอาชีพที่ประสบความสำเร็จ แต่ยังสอนบทเรียนลึกซึ้งเกี่ยวกับความยืดหยุ่น มุมมองชีวิต และการเติบโต ท่านสอนให้เราเผชิญหน้ากับความยากลำบาก มองโลกในแง่มุมใหม่ และเรียนรู้จากความผิดพลาด เมื่อแผนล้มเหลว โอกาสใหม่ๆ มักจะตามมา บทเรียนเหล่านี้ถือเป็นหลักการที่ไร้กาลเวลาสำหรับการพัฒนาตนเองไม่ว่าจะในชีวิตส่วนตัวหรือในหน้าที่การงาน
Comments